ธนาคารกลางอินโดนีเซียลดดอกเบี้ย สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนโลก

ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (Bank Indonesia – BI) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 5.50% ในการประชุมล่าสุด ซึ่งนับเป็นการปรับลดครั้งที่สองในปี 2568 และถือเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2565 สะท้อนถึงท่าทีผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่องเพื่อประคองเศรษฐกิจภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยภายนอก

สาเหตุของการปรับลดดอกเบี้ย

การตัดสินใจครั้งนี้ของ BI มีพื้นฐานจากหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่:

• อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในกรอบเป้าหมาย: ล่าสุดอยู่ที่ 2.8% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

• เศรษฐกิจโลกชะลอตัว: โดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากจีนและประเทศพัฒนาแล้วที่ส่งผลต่อการส่งออกของอินโดนีเซีย

• ค่าเงินรูเปียห์ผันผวน: แม้จะมีแรงกดดันจากทุนไหลออก แต่ BI ยังคงมั่นใจในเสถียรภาพระยะยาวของตลาดเงิน

• การบริโภคภายในประเทศอ่อนแรง: ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจอินโดนีเซีย

เป้าหมายของนโยบาย

BI หวังว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วย:

• ส่งเสริมการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชน โดยเฉพาะ SMEs และครัวเรือน

• กระตุ้นการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ

• สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้เติบโตใกล้เคียงเป้าหมาย 5.2% สำหรับปีนี้

ผลกระทบต่อภูมิภาคและตลาดเกิดใหม่

การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของอินโดนีเซีย อาจเป็นสัญญาณที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ไทย และมาเลเซีย ต้องจับตามอง โดยเฉพาะในช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ทำให้เกิดความท้าทายในการรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน

บทวิเคราะห์

ในระยะสั้น การลดดอกเบี้ยอาจช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้บางส่วน แต่ในระยะยาว อินโดนีเซียยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง เช่น การพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่กระจายสู่ภูมิภาคต่าง ๆ อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ ตลาดทุนและนักลงทุนต่างชาติยังจับตานโยบายการเงินของ BI อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อสภาพคล่องและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่

สรุป: การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอินโดนีเซียในครั้งนี้ สะท้อนความพยายามในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและสนับสนุนการเติบโต ท่ามกลางกระแสลมแรงจากเศรษฐกิจโลก แม้จะเป็นมาตรการเชิงบวก แต่ยังต้องติดตามผลลัพธ์และความยั่งยืนในระยะกลางอย่างใกล้ชิด

#เศรษฐกิจโลก #ดอกเบี้ยอินโดนีเซีย #ProjectCWF